“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกแข็งค่าผ่านแนว 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงแรกก่อนจะลดช่วงบวกลงบางส่วน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามการฟื้นตัวขึ้นของสกุลเงินเอเชียในภาพรวม ก่อนจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์
ขณะที่เงินดอลลาร์ ทยอยอ่อนค่าลงตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด กระตุ้นให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดอาจจะชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า หลังจากที่น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ย. แล้ว
อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ตามการอ่อนค่าของสกุลเงินบางส่วนในเอเชีย นำโดย เงินเยน ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางของฝั่งเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้นก่อนการรายงานข้อมูล PCE/Core PCE Prices Indices เดือน ก.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ของสหรัฐ
ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 38.37 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (21 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 8,464 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 5,205 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 6,110 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 905 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (31 ต.ค.-4 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.30-38.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (1-2 พ.ย.) รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนก.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI และ ISM สำหรับภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ต.ค. รวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือน ก.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย และธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 และอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจน PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือน ต.ค. ของจีน อังกฤษ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน